ผมมาเริ่มเขียนบทความนี้
ในปีที่ 101 แล้ว
ไม่ใช่เพราะรู้สึกช้าไปหน่อยหรอกนะครับ แต่ต้องปล่อยให้พี่ๆน้องๆ และเพื่อนๆ
ที่เป็นนักเขียนเรื่องปืนโดยตรง ว่ากันไปก่อน ผมเองมาจากสายเรื่องราวคาวบอย
ก็ต้องคอยสักนิดนึง
ตามที่ทราบกันดีนะครับว่า
ปี ค.ศ. 2011 เป็นปีที่ปืนพกในรูปแบบที่เรียกกันว่า
1911 มีอายุครบ 100
ปี งานนี้ คอปืนทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งอันหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อาวุธปืนที่ต้องจารึกไว้ มีบทความที่ระลึกจากนักเขียนในค่ายปืนต่างๆ เขียนถึงกันมากมาย
นอกจากนี้
ยังมีผู้ผลิต 1911 รุ่นพิเศษ
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ออกมาวางขายกันหลายรุ่น
เหตุที่ผมเริ่ม(อยากจะ)เข้ามาสู่วงการ
1911 กะเขามั่งเนี่ย
ก็เพราะปีที่แล้ว ผมเตรียมปลดระวางเจ้า สมิธ แอนด์ เวสสัน โมเดล 27 ที่รับใช้ในภารกิจรักษาความปลอดภัยที่บ้าน
ตั้งแต่รุ่นพ่อจนมาถึงมือผม บัดนี้รวมเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว
ตัดสินใจว่าจะหา
กล็อค 21 มาประจำการแทนเสียหน่อย
พอออกไปเดินหลังวัง
ก็พบว่าหลายร้าน มีเจ้า เรมิงตัน 1911 R1 (ที่ลงทดสอบอยู่ใน
Thailand Outdoor E-Magazine ฉบับปฐมฤกษ์
นั่นแหละครับ) วางโชว์อยู่ ราคาก็ไม่สูงนัก แพงกว่ากล๊อคนิดหน่อย
ในขณะที่พวก 1911
สายอเมริกาด้วยกัน อย่าง โคลท์ หรือ
คิมเบอร์ ที่เป็นเจ้าตลาดในบ้านเรามานาน ราคาสูงกว่ามาก (ตอนนั้นรูเกอร์ SR1911
ยังไม่มีวางให้เห็นครับ)
ผมนึกไปมา
ก็พอจำได้ว่า เรมิงตันเคยทำ M 1911 รุ่นแรก
ออกมาในช่วงท้ายๆของสงครามโลกครั้งที่ 1
และพอมาถึงรุ่นปรับปรุงเป็น
M 1911 A1 ที่นำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่
2 ก็มีบริษัทชื่อ
เรมิงตัน แรนด์ (ซึ่งถึงแม้จะถือว่าเป็นคนละบริษัท
แต่ก็มีเชื้อสายบรรพบุรุษเดียวกัน) มาผลิตกะเขาด้วยอีก
เมื่อนับรวมๆกันแล้ว
ดูเหมือนจะในปริมาณมากกว่าที่โคล์ทผลิตได้ในยุคเดียวกันเสียด้วย
แถมหน้าตาท่าทางของเจ้า
1911 R1 ที่มาวางขายอยู่นี้
ยังดูเป็นเดิมๆ ใกล้เคียงต้นฉบับสมัยสงคราม
ผมก็เลยไปทำการบ้าน
หาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งในเว็บ และหนังสือต่างๆทั้งไทยและเทศ ผลที่ได้ก็คือ นอกจากเจ้า
R1 จะตามเข้ามาอยู่ในบ้าน
ให้ผมได้ร่วม(เสียตังค์)ฉลองร้อยปี 1911 กะเค้าบ้างแล้ว
ยังมีหนังสือและนิตยสาร ที่มีบทความว่าด้วยเรื่องร้อยปี 1911 กองอยู่เต็มโต๊ะที่บ้านผมอีกเป็นสิบเล่ม
ยิ่งอ่าน
ก็ยิ่งสนุกครับ โดยเฉพาะบททดสอบ และวิพากษ์วิจารณ์ 1911 ยี่ห้อต่างๆมากมาย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง
คือ ไม่ค่อยเห็นพวกเซียนปืนฝั่งอเมริกา ยกย่องผู้ผลิต
หรือเทใจให้กับยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมานี้เป็นพิเศษกันนัก
ดูเขาค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับผู้ออกแบบมากกว่า
และพากันยกย่องความเป็นอัจฉริยะของ จอห์น โมเสส บราวนิงก์ นักออกแบบผู้กลายเป็นตำนานไปแล้วนี้
กันอย่างถ้วนหน้า
พวกเขาเหล่านั้นกล่าวถึงโคลท์
ในแง่ที่ว่าเป็นผู้ผลิต 1911 รายแรก
และยาวนานอย่างต่อเนื่อง
แต่กลับตั้งข้อสังเกตว่า
โคลท์ผลิต 1911 ออกมาอย่างมีคุณภาพสูง
ได้เพียงในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น คือรุ่น National Match ที่ออกวางตลาดตั้งแต่ปี ค.ศ.1933 ก่อนจะหยุดผลิตไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
National Match รุ่นที่ทำออกมาในช่วงนั้น
ได้รับคำชื่นชมว่ามีดีทั้งความแม่นยำ ความประณีตสวยงาม ความทนทานและไว้ใจได้
จนโคลท์ต้องนำมาผลิตซ้ำอีกในปี ค.ศ.1957
โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนหลักบางรายการ
ที่กลับทำให้ความคงทนแข็งแรงลดน้อยด้อยลงกว่าเดิม
ต้องตามแก้ไขทั้งตัวผลิตภัณฑ์และภาพพจน์กันอีกหลายปี
จนสุดท้ายกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ
มาเป็น Gold Cup Trophy ในปัจจุบัน
(ที่ไม่ได้รับคำชื่นชมใดๆอีก)
ส่วนรุ่นอื่นๆของโคลท์
ที่ทำออกมาในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 70 และ 80
ก็ดูจะไม่ได้มีจุดเด่นดังใดๆให้เซียนปืนเหล่านี้
วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นพิเศษนัก
ตรงกันข้าม
พวกเขากลับกล่าวขวัญถึงช่างฝีมืออิสระ ผู้มีอาชีพปรับแต่ง 1911 และบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนทดแทน
ที่ทยอยกันเปิดตัวขึ้นในช่วงเวลานั้น มากมายหลายค่ายหลายสำนัก
ว่าเป็นผู้มีคุณูปการทำให้ 1911 ของโคล์ท
ใช้งานได้ดีกว่าของเดิมๆจากโรงงาน
จนในที่สุด
เมื่อผู้ผลิตอาวุธปืนรายอื่นๆ (รวมทั้งคู่ปรับเก่าในวงการลูกโม่ อย่าง สมิธ แอนด์
เวสสัน) เริ่มผลิต 1911 ออกมาขายแข่งกับโคลท์แล้ว
โคลท์ก็แทบจะเรียกได้ว่า “ตกกระป๋อง” ไปเลย
เริ่มด้วย
สปริงฟิลด์ อาร์เมอรี ในช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษ ที่ 80 ตามด้วย คิมเบอร์ ในอีก 10 ปีต่อมา
ทั้งสปริงฟิลด์ฯและคิมเบอร์ทุกวันนี้
ต่างขาย 1911 ของตนได้มากกว่าโคลท์
และผลัดกันเป็นผู้ครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาด 1911 มาตลอด
1911 ของคิมเบอร์ทุกรุ่น
เป็นที่ยอมรับกันว่าเหนือกว่าโคล์ท ในเกือบทุกแง่มุม ไม่ว่าจะความประณีต ฟิตแน่น
แม่นยำ แถมมีแต่งหน้าทาปากต่างๆกัน ให้ผู้ซื้อเลือกได้อีกตั้งห้าหกสิบแบบ
ตามแต่รสนิยม
กับที่น่าสนใจอีกอย่างคือ
หน่วยงานรักษากฎหมายดังๆ (ในสหรัฐอเมริกา) บางแห่ง ต่างเลือก 1911 ของคิมเบอร์เข้าประจำการกัน
แต่คิมเบอร์
ก็ยังถือว่าเป็น 1911 ระดับตลาดกลางๆเท่านั้นครับ
เหนือกว่านี้ ยังมีระดับที่เรียกกันว่า เซมิ-คัสตอม
กล่าวคือ
ผู้ผลิตจะคัดสรร หรือผลิตชิ้นส่วนทุกชิ้นขึ้นเองเป็นพิเศษ
ใช้เครื่องจักรในการผลิตที่มีความละเอียดสูง ตามด้วยฝีมือแรงงานของช่างผู้มีประสบการณ์
ขัดแต่งเพิ่มเติมอย่างประณีต ก่อนประกอบชิ้นส่วนต่างๆเข้าด้วยกันด้วยมือล้วนๆ
ออกมาเป็นรุ่นราคามาตรฐาน
แล้วเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถ
(เสียเงินเพิ่ม) สั่งปรับแต่งกลไก หรือจำหลักลวดลายพิเศษตามความต้องการได้อีก
ผมเห็น 1911
ที่เป็น เซมิ-คัสตอม นี้
มีวางขายอยู่หลังวังไม่น้อย ยี่ห้อที่เห็นบ่อยก็มี เลส เบเออร์ แล้วก็มี ไนท์ฮอว์ค
คัสตอม มี เอ็ด บราวน์ แล้วก็มี วิลสัน คอมแบ็ท
(ทราบมาว่ารายหลังสุดนี่แพงกว่าเพื่อน)
ในเชิงเปรียบเทียบ
เลส เบเออร์ ได้รับคำวิจารณ์ว่า เป็น 1911 ที่ฟิตแน่นที่สุด
จนทำให้ขึ้นลำหรือถอดประกอบได้ยากมากๆ
ส่วน เอ็ด
บราวน์ จะมีรูปลักษณ์แบบคลาสสิคเดิมๆมากที่สุด และผลิตชิ้นส่วนขึ้นใช้เองแทบทุกชิ้น
อีกทั้งไม่ว่ารุ่นถูกสุดหรือแพงสุด ก็เป็นงานฝีมือเดียวกันหมด
แพงกว่ากันที่ลวดลายหรือชิ้นส่วนเพิ่มเติมเท่านั้น
ไม่เหมือน
วิลสัน คอมแบ็ท ที่ในแต่ละระดับราคา อาจใช้ช่างฝีมือระดับต่างกัน
ส่วน
ไนท์ฮอว์คฯ คือช่างฝีมือของ วิลสันฯ กลุ่มหนึ่ง แยกตัวออกมาเปิดใหม่
ทั้งสี่ยี่ห้อนี้
ว่ากันว่า ความเนี้ยบ เนียน แน่น และนุ่มนวล ล้วนอยู่ในระดับสุดๆ กินกันแทบไม่ลง
(ยกเว้น เลส เบเออร์ ที่ส่วนใหญ่บอกว่า แน่นสุดๆกว่าเพื่อน แต่ยังเนี้ยบไม่สุดนัก)
ด้านความแม่นยำและกลุ่มกระสุนนั้น
ทุกยี่ห้อต่างรีดออกมาได้แคบ จนแทบไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ยิงจริงๆ
อันที่จริง
ทั้งคิมเบอร์และสปริงฟิลด์ฯ ต่างก็มี 1911 รุ่นแต่งพิเศษเต็มที่
สามารถเทียบชั้นคุณภาพใกล้เคียงกับพวก เซมิ-คัสตอม นี้ด้วยเหมือนกันครับ
แต่ในบ้านเราดูจะไม่ค่อยฮิตนัก อาจเป็นเพราะยังมีภาพลักษณ์ของ 1911 ระดับตลาดทั่วไปติดตัวอยู่ก็ได้
เหนือ
เซมิ-คัสตอม ยังมี ฟูล-คัสตอม อีกนะครับ คือ ลูกค้าสามารถสั่งให้ช่างทำตามแบบของตัวเอง
ได้ทุกรายละเอียดที่ต้องการ
อันนี้ดูเหมือนบ้านเราจะหาดูได้ยากหน่อย
แต่ได้ยินว่าบางร้านก็บริการช่วยสั่งเป็นพิเศษ
ให้กับลูกค้าที่ทั้งใจและเงินถึงเหมือนกัน
ดูเหมือนเวลานี้
เอส วี อินฟินิตี จะเป็นตัวยืน แต่ก่อนหน้านี้ เคยมียี่ห้ออื่นๆอีกบ้างเหมือนกัน
น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่เลิกผลิตไปแล้ว
ในทางกลับกัน
ก็มี 1911 ระดับพื้นๆราคาย่อมเยา
ไม่ว่าจะเป็นบางรุ่นของสปริงฟิลด์ฯ และยี่ห้ออื่นๆอีกมากมาย
ในบรรดา 1911
ราคาประหยัด
ที่มีชื่อแซ่ฟังดูเป็นอเมริกันนั้น บางยี่ห้อก็ผลิตในอเมริกาทุกชิ้นส่วน บางยี่ห้อใช้วิธีนำเข้าบางชิ้นส่วนจากต่างประเทศ
(เช่น บราซิล และฟิลิปปินส์) แล้วมาประกอบเข้าด้วยกันในอเมริกา
บางยี่ห้อก็นำเข้าทั้งกระบอก
(ก็จาก บราซิล และ ฟิลิปปินส์ อีกนั่นแหละครับ) มาวางขายในอเมริกา
ใช้ชื่อของตนเอาดื้อๆเลย
1911 กลุ่มนี้
หากว่ากันในเชิงคุณภาพแล้ว ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่
หรือถือเป็นของเกรดต่ำชำรุดง่ายแต่อย่างใด
จริงๆแล้ว
บางรุ่นอาจคุ้มค่ากว่าของแพงๆด้วยซ้ำ เพราะส่วนใหญ่ก็ผลิตตามมาตรฐานของกองทัพ
(มักใช้คำว่า Mil Spec หมายถึง Military
Specifications หรือไม่ก็ G.I.
อันหมายถึง Government
Issue) คือ
ไม่เน้นเรื่องความแน่น เนียน เนี้ยบ แต่เน้นเรื่องความแข็งแรงทนทาน ไว้วางใจได้
มีความแม่นยำในระดับเป็นที่ยอมรับได้
หากใช้งานเชิงต่อสู้เป็นหลัก
น่าจะถือได้ว่า เป็น 1911 ที่รักษาคุณค่าของรูปแบบ
และวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของ 1911 ตามเจตนารมณ์ของผู้ที่ออกแบบไว้แต่แรกจริงๆ
เจ้าเรมิงตัน 1911
R1 ของผม
ก็ต้องถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มนี้แหละครับ เวลานี้มีคู่แข่งตามมาติดๆ คือ รูเกอร์ SR1911
ที่ราคาไล่เลี่ยกัน
แต่ตกแต่งทันสมัยใช้งานได้หลากหลายกว่า ทำให้รูปลักษณ์ขาดความเป็นเดิมๆไปหน่อย
อันนี้ก็แล้วแต่ใครชอบแบบไหนนะครับ
นอกนั้นยังมี ทอรัส จากบราซิล มียี่ห้ออื่นๆ จากฟิลิปปินส์ จากตุรกี เข้ามาขายด้วย
แม้แต่ นอริงโก ของจีน ก็ได้ยินว่าเคยมีเข้ามา
ส่วนโคลท์เจ้าเก่า
เวลานี้ผมเห็นมี Gold Cup Trophy รุ่นใหม่ๆ
วางขายอยู่มากที่สุด
กับรุ่น Combat
Elite (ที่ทางเท็คนิคจริงๆแล้วคือ
Gold Cup เปลี่ยนใส่ศูนย์ตายแทนศูนย์ปรับได้)
มีรุ่น XSE
ที่ปรับแต่งและอัปเกรดหน้าตาให้ดูทันสมัยขึ้น
(คงกะเอาไว้แข่งกับพวกยี่ห้อใหม่ๆ)
นอกนั้นก็เป็นพวกทำย้อนยุค
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นแรกเริ่ม คือ M 1911 (ที่เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐฯ
ในปี ค.ศ.1911) หรือรุ่นต่อมา M
1911 A1 (ปรับปรุงจาก M
1911 ให้ดีขึ้น
ตามคำแนะนำจากประสบการณ์ใช้งานจริงของเหล่าทหารหาญ
ที่เคยผ่านการรบในสงครามโลกครั้งที่ 1)
รวมทั้งรุ่น Government
(ปรับแต่งหน้าตา M 1911 A1 ให้ดูเป็นพลเรือน) Series 70 และ 80
พวกกลุ่มย้อนยุคนี้
บางชุดก็ตกแต่งมาพิเศษ เพื่อฉลองครบรอบเหตุการณ์สำคัญ
หรือเป็นเกียรติแก่บุคคลสำคัญด้วย
พูดถึงโคลท์
กับ 1911 แล้ว
ผมค่อนข้างแปลกใจ เมื่อเห็นโฆษณาของโคลท์ในหนังสือปืนต่างๆ อวดอ้างว่า 1911
ที่ตนผลิตคือของจริงของแท้
เป็นมาตรฐาน
ที่คนอื่นๆทำได้แค่สำเนา หรือลอกเลียนแบบ แต่ไม่สามารถที่จะ “ทำซ้ำ” ออกมาได้
ในขณะที่บทความของเซียนปืนต่างๆ
กลับไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
หากดูกันตามข้อเท็จจริงแล้ว
ต้องถือว่า โคลท์ไม่ได้เป็นผู้ออกแบบ 1911 ขึ้นด้วยตนเอง
แต่ว่าจ้างผู้อื่น (คือ จอห์น โมเสส บราวนิงก์ ผู้เป็นตำนาน 1911 จริงๆ) มาออกแบบให้อีกทีนึง
ไม่เหมือนกับโคลท์
ซิงเกิล แอ๊คชั่น อาร์มี อีกหนึ่งปืนดังจากอดีต
ที่ทีมวิศวกรของโคล์ทเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลภายนอก
แบบของ 1911ที่ออกมาจากมันสมองของบราวนิงก์นี้ ในเบื้องต้นเป็นของโคลท์ก็จริง แต่เมื่อเกิดมหาสงครามทั้งสองครั้ง กองทัพสหรัฐฯ
ก็ไปติดต่อขอแรงผู้อื่น มาช่วยผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของกองทัพ
แถมในบรรดาผู้ที่กองทัพคัดเลือกมาให้ช่วยกันผลิตนี้
หลายบริษัทไม่เคยผลิตอาวุธมาก่อน บางบริษัทเคยผลิตแต่จักรเย็บผ้า
บางบริษัทเคยผลิตแต่เครื่องพิมพ์ดีด บางบริษัทก็เคยผลิตแต่เครื่องสัญญาณเดินรถไฟ
แต่บริษัทเหล่านี้
ต่างสามารถแกะแบบ ทำ 1911 ออกมาได้ในคุณภาพทัดเทียมกันกับโคลท์
หลายยี่ห้อกลายเป็นของสะสมหายาก มีมูลค่าสูงกว่าโคลท์เสียอีก
จึงน่าจะสรุปได้ว่า
1911 ของโคลท์
เป็นเพียง “สำเนา(โหลๆ)ชุดแรก” ตามแบบของ จอห์น โมเสส บราวนิงก์ เท่านั้นเองนะครับ
ส่วนยี่ห้ออื่นๆที่ตามมา
ก็นับว่าเป็นสำเนาชุดที่ สอง สาม สี่ ฯลฯ ต่อไปตามลำดับ
และยิ่งนานวันขึ้นเท่าใด
พวกสำเนารุ่นใหม่ๆ ต่างก็ทำผลงานออกมาได้ คม ชัด ละเอียด และสวยยิ่งขึ้นกว่าเดิม
อุปมาดั่งสำเนาของโคลท์นั้นเป็นโรเนียว
แต่ของคนอื่นๆ เขาเป็นซีร็อกซ์ ไปจนถึงเลเซอร์ปริ๊นท์กันหมดแล้ว
(เปรียบเปรยแบบนี้เว่อร์ไปหน่อยหรือเปล่าครับเนี่ย..)
อย่างไรก็ตาม
ยังคงมีผู้นิยมชมชอบ1911 ของโคลท์
เพราะความขลังของชื่อชั้นกันเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านเรา
ทราบมาว่า 1911 ของโคลท์
ราคาดีไม่มีตก ไม่ว่าของใหม่หรือของเก่า
เชื่อว่า
ยังมีหลายท่านยืนหยัดอย่างเหนียวแน่นว่า 1911 ต้องโคลท์เท่านั้น
สำหรับผมเองก็คงอดไม่ได้
ที่จะเมียงมอง หาทางเป็นเจ้าของกะเค้าสักกระบอกหนึ่งบ้างเหมือนกันครับ หากมีโอกาส
ในปัจจุบัน
มีผู้ผลิต 1911 เฉพาะในสหรัฐฯเอง
ทั้งรายใหญ่รายย่อย ทั้งเกรดถูกสุดไล่ไปจนถึงแพงสุด รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 50
ยี่ห้อ
และดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนในต่างประเทศนั้น
เคยมีการผลิตในนอรเวย์ อาร์เจนตินา และอีกหลายประเทศมาแล้วตั้งแต่รุ่นแรกๆ แม้แต่ในเมืองไทยเองก็เคยมี
(ดังที่คุณจ่าน้อม ทหารหน้า เคยเขียนบทความไว้)
มาถึงวันนี้ 1911
อาจเลิกผลิตไปแล้วบ้างในบางประเทศ
แต่ก็ไปเริ่มผลิตใหม่อยู่ในประเทศอื่นๆ อีกเรื่อยๆ เหมือนกัน
เราจึงเริ่มได้ยินสำนวนว่า
“1911 never dies” กันหนาหูขึ้น
อีกหน่อยอาจไปถึงขั้น “พระอาทิตย์ไม่เคยตก ในอาณาจักร 1911” ก็ได้นะครับ
ส่วนตัวผมนั้น
อ่านหนังสือไปเขียนบทความไป ก็ยิ่งเกิดอารมณ์ จึงต้องขอจบลงเพียงแค่นี้ก่อน
ขอเวลาไปเมียงมองส่องหา
1911 สวยๆถูกใจอีกสักกระบอกนึง
ให้หายอยากหน่อยนะครับ
มาร์แชลต่อศักดิ์
กุมภาพันธ์ 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น